กัญชา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis Sativa L. เป็นพืชล้มลุกที่มีราก มีถิ่นกำเนิดในแถบทวีปเอเชียกลางและเอเชียใต้ มีการใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ สันทนาการ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และวิถีชีวิตทางสังคม มีความเป็นที่นิยมตั้งแต่อดีตโดยพืชกัญชานั้นถูกใช้เป็นยาหรือใช้ในการผสมอาหาร โดยมีสาร CBD (cannabidiol) และ THC (Tetrahydrocannabinol) ซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้นให้อาหาร ทำให้เกิดความผ่อนคลาย สนุกสนาน เคลิบเคลิ้ม และลดความกังวล อีกด้วย
องค์ประกอบสำคัญในกัญชา (Cannabis)
พืชกัญชามีสารเคมีมากกว่า 750 ชนิด โดยมีมากกว่า 104 ชนิดเป็นสาร Cannabinoids และสารสำคัญรวมทั้งสาร THC หรือ Tetrahydrocannabinol ที่มีผลกระทบต่อระบบประสาทโดยตรง CBD หรือ Cannabidiol, CBN หรือ Cannabinol, CBG หรือ Cannabigerol สารเหล่านี้มีผลกระตุ้นหรือยับยั้งระบบประสาท ฮอร์โมน และภูมิคุ้มกันผ่านระบบ endocannabinoid ของร่างกาย
ในร่างกายของมนุษย์ สามารถสร้าง endocannabinoid โดยธรรมชาติซึ่งเป็น cannabinoids (โดยทั่วไปจะเป็น anandamide และ arachidonoyl (2-AG)) endocannabinoid ถูกสร้างขึ้นเพื่อกำกับการทำงานต่างๆ ของร่างกายโดยจะไปจับกับ CB1 และ CB2 receptour นอกจากนี้ endocannabinoids ยังมีผลต่อการทำงานของร่างกาย เช่น ความจำ อารมณ์ ความอยากอาหาร การนอนหลับ ความปวดเมื่อย ความเครียด การติดยา และการอักเสบของแผล นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการป้องกันที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง และระบบ metabolism ของร่างกาย เช่น lipolysus, glucose metabolism และ energy balance
สารประกอบในกัญชามีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน โดย CBD มีความสัมพันธ์ (affinity) กับ CB1 และ CB2 ต่ำมาก แต่ THC สามารถจับกับ CB1 และ CB2 ได้เป็นอย่างดี และเมื่อมีอิทธิพลในเส้นทาง rewarding pathway ของสมอง จะเกิดการมึนเมาและเสพติด ส่วน CBD จะไม่มีอิทธิพลในเส้นทางนี้แต่มีผลในการลดการส่งสัญญาณของ CB1 ทำให้สมองเพิ่มการปล่อย GABA ซึ่งเป็นการกดระบบไฟฟ้าของสมองและน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการช่วย
CBD คือ ? มีคุณสมบัติอะไรบ้าง
CBD ย่อมาจาก Cannabidiol ซึ่งเป็นหนึ่งในสารสำคัญที่พบในพืชกัญชา (Cannabis) มีคุณสมบัติที่สำคัญทางที่วิจัยต่างๆ เน้นไปที่และมีศักยภาพในการรักษาอาการต่างๆ อย่างน้อยในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับความเครียด, ภาวะซึมเศร้า, ความคุ้มครองของระบบประสาท, และอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันต่ำ โดย CBD ไม่มีผลกระทบทางจิตและไม่ทำให้เกิดความมึนเมา เป็นต้น ส่วนใหญ่ CBD ได้รับความสนใจในเชิงการแพทย์และสมุนไพรช่วยให้ปลอดภัยในการใช้งาน เนื่องจากไม่มีผลกระทบทางจิตและมีน้อยหรือไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
CBD (Cannabidiol) เป็นสารสำคัญที่พบในพืชกัญชา (Cannabis) มีคุณสมบัติที่น่าสนใจต่อการใช้ทางการแพทย์และสมุนไพร ซึ่งมีลักษณะดังนี้:
- ไม่ทำให้มึนเมา: CBD ไม่มีผลกระทบทางจิตและไม่ทำให้เกิดความมึนเมาเมื่อใช้งาน เนื่องจากมันไม่เป็นสารที่ทำให้ร่างกายมีความต้องการและพัฒนาพฤติกรรมการใช้
- ลดอาการอักเสบ: CBD มีฤทธิ์ต้านอักเสบที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะอักเสบเรื้อรังหรือเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
- ลดความวิตกกังวล: มีฤทธิ์ช่วยลดความวิตกกังวลและเครียด ซึ่งเป็นปัญหาที่ค่อนข้างพบได้ในสังคมปัจจุบัน
- บรรเทาความเจ็บปวด: CBD มีฤทธิ์ช่วยลดความเจ็บปวด ซึ่งทำให้เป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการกับอาการเจ็บปวดเฉพาะพิเศษ
- สมดุลระบบประสาท: มีฤทธิ์ที่ช่วยสมดุลระบบประสาทโดยช่วยปรับสมดุลการทำงานของร่างกายที่ได้รับความเครียดหรือกังวล
- ควบคุมอาการชัก: CBD อาจช่วยลดความรุนแรงของอาการชักในบางผู้ที่มีภาวะอาการชัก
- ป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง: ศึกษาบางรายงานวิจัยบ่อยครั้งพบว่า CBD อาจมีส่วนช่วยในการป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด: บางงานวิจัยได้พบว่า CBD อาจมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยในการนอนหลับ: CBD อาจช่วยปรับสมดุลการน
THC คือ ? มีคุณสมบัติอะไรบ้าง
THC (Tetrahydrocannabinol) เป็นสารสำคัญในพืชกัญชา (Cannabis) ที่มีผลกระทบทางจิตใจ โดยเฉพาะการทำให้เกิดความมึนเมาหรือความสนุกสนาน เป็นส่วนที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเรียบร้อยและมีอารมณ์มืดขึ้น นอกจากนี้ THC ยังมีฤทธิ์ทางยาที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและอาการอื่น ๆ ได้บ้าง การใช้ THC มักจะเป็นเรื่องที่มีข้อกำหนดและข้อจำกัด เนื่องจากมีผลกระทบที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้ การใช้ THC ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวัง และควรปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่นที่ตั้งของผู้ใช้งานทั้งหมด ดังนั้น การใช้ THC ควรพิจารณาให้ถูกต้องและอย่างมีความรับผิดชอบ
นอกจาก THC (Tetrahydrocannabinol) จะผลกระทบทางจิตใจแล้ว THC และทำให้เกิดความมึนเมาหรือความสนุกสนานแล้ว THC ยังมีคุณสมบัติทางยาซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพบางอย่างได้ เช่น:
- บรรเทาอาการเจ็บปวด: THC มีคุณสมบัติที่ช่วยลดความเจ็บปวด ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางของร่างกาย.
- บรรเทาอาการความอดทน: THC อาจช่วยลดอาการความอยากอาหาร (nausea) และอาการอาเจียนในบางกรณี เช่นในผู้ป่วยที่รักษาด้วยเคมีบำบัดหรือผู้ป่วยที่ทำการรักษาด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด.
- ปรับลมหายใจ: THC อาจช่วยให้การหายใจเป็นปกติขึ้นในบางกลุ่มของผู้ที่มีปัญหาการหายใจ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดหรือโรคถุงลมอักเสบ.
- การกระตุ้นความอยากอาหาร: THC สามารถกระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยที่เสียสมดุลในการรับประทานอาหารได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหนีบหนาวหรือกล้ามเนื้อทรวงอกอ่อนแรง.
- ลดอาการสัมผัสที่เจ็บปวด: THC สามารถลดอาการเจ็บปวดและความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบได้ เช่นอาการปวดต่าง ๆ และอาการปวดที่เกิดขึ้นจากโรคเกราะเป็น.
- ปรับลมหายใจ: THC อาจช่วยให้การหายใจเป็นปกติขึ้นในบางกลุ่มของผู้ที่มีปัญหาการหายใจ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดหรือโรคถุงลมอักเสบ
กล่าวโดยสรุปคือ THC (Tetrahydrocannabinol) และ CBD (Cannabidiol) เป็นสารสำคัญในพืชกัญชา (Cannabis) ที่มีผลกระทบต่างกันต่อร่างกายและสมองของมนุษย์ โดย THC เป็นสารที่ทำให้มึนเมาและมีความกระตุ้นสูงขึ้น ในขณะที่ CBD ไม่มีผลกระทบที่ทำให้มึนเมาและมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น ความเจ็บปวด, ความวิตกกังวล, และความอยากอาหาร เนื่องจากความแตกต่างในคุณสมบัติและผลกระทบ การใช้ THC และ CBD ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและมีการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะในกรณีของการใช้ทางการแพทย์และการรักษาโรค.Share :