กัญชา (Cannabis) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Cannabis Sativa L. เป็นพืชล้มลุกมมีแหล่งกำเนิดในแถบทวีปเอเชียกลาง และเอเชียใต้ มีประโยชน์ในทางการแพทย์ สันทนาการ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และใช้ในวิถีชีวิตทางสังคม วัฒนธรรมอื่นๆ ตั้งแต่ในอดีต พืชกัญชา เป็นที่นิยมถูกใช้ในทางยา หรือผสมอาหาร จากสาร CBD (cannabidiol) และ THC (Tetrahydrocannabinol) ด้วยมีฤทธิ์กระตุ้นให้อยากอาหาร ทำให้เกิดความผ่อนคลาย สนุกสนาน เคลิบเคลิ้ม ลดความกังวล เป็นต้น

CBD THC

Cannabidiol (CBD) และ Tetrahydrocannabinol (THC) คืออะไร ?

Cannabidiol (CBD) คือ สารสกัดอีกประเภทหนึ่งที่ได้จากต้นกัญชา เดิมทีต้นกัญชา หรือกัญชงที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันนั้น จัดเป็นสารเสพติดที่สามารถบรรเทาการเจ็บป่วยในบางโรคได้ แต่เนื่องจากสารสกัดตัวแรกที่นำมาใช้ก่อนหน้านี้คือ THC (Tetrahydrocannabinol) เป็นสารสกัดที่ส่งผลให้เกิดความเคลิบเคลิ้ม เมื่อใช้เป็นเวลานานจะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้การใช้สารชนิดนี้ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์อย่างระมัดระวัง

Tetrahydrocannabinol (THC) เป็นสารที่พบมากในพืชกัญชา ( Cannabis ) เมื่อเสพเข้าไปแล้ว จะทำให้มีอาการเคลิบเคลิ้ม หรือที่เรียกกันว่า High นั่นจึงเป็นเหตุผลให้พืชกัญชาที่มีสาร THC อยู่ค่อนข้างมากนี้ ได้ถูกนำไปใช้ในแง่ของการสันทนาการ

โดยประโยชน์ของสาร THC นั้นก็มีหลากหลาย เช่นช่วยลดอาการปวด ลดภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากเคมีบำบัด ช่วยรักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ให้ผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์ รวมถึงสามารถใช้ในผู้ป่วยที่เป็นต้อหินได้ด้วย อย่างไรก็ตามสาร THC นั้นมีผลข้างเคียงจากการใช้หลายอย่าง เช่น ปากแห้ง ตาแดง ใจเต้นเร็ว ตอบสนองช้า และทำให้สูญเสียความทรงจำ

ความแตกต่างของสาร Cannabidiol (CBD) และ Tetrahydrocannabinol (THC)

Cannabidiol (CBD) ที่สกัดได้จากกัญชานั้น ไม่จัดเป็นยาเสพติด และเป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Non-psychoactive) ไม่ทำให้มึนเมาหรือติด สาร CBD จะมีฤทธิ์เพื่อการคลายเครียด ช่วยบรรเทาการอักเสบของแผล ช่วยปกป้องเซลล์ประสาท ต้านชัก ลดความเจ็บปวด ลดอาการคลื่นไส้ ต้านฤทธิ์ต่อจิตประสาท และยังสามารถต่อต้านหรือยับยั้งเซลล์มะเร็ง จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น รวมถึงมีการนำไปใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา และอาหาร

สาร Tetrahydrocannabinol (THC) ยังจัดอยู่ในกลุ่มสารเสพติดประเภทที่ 1 (องค์การอนามัยโลก) มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Psychoactive) ทำให้เคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลาย ทำให้ง่วง หลับง่าย ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ลดอาการปวดในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต้านอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด โดย THC จะต้องสั่งโดยแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งเท่านั้น เพราะเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติดได้ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้สารสกัด THC ไม่เกิน 0.2% ไม่เป็นยาเสพติด จึงสามารถใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย การทำผลิตภัณฑ์ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

CBD THC

 Cannabidiol (CBD) และ Tetrahydrocannabinol (THC) ให้ผลลัพธ์ต่างกันดังนี้

CBD เป็นสารที่ออกฤทธิ์ตรงข้ามกับ THC และให้ผลตรงกันข้ามเหมือนกับคอยต้านฤทธิ์ของ THC โดยสาร CBD ไม่ทำให้เสพติด ไม่ทำให้เกิดอาการเมา ซึมหรือร่างกายไม่ทำตามที่สมองสั่ง อาจจะทำให้บางรายนอนหลับได้ เพิ่มความอยากอาหาร และมีอารมณ์ดี นอกจากนี้ มีการศึกษาใช้สาร CBD เพื่อควบคุมอาการชักและอาการปวดด้วย ฤทธิ์ข้างเคียงจากการใช้ CBD พบได้บ้าง เช่น อุจจาระร่วง อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ตัวเบา 

การรับ THC ในขนาดที่เหมาะสมจะมีผลในการลดปวด ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดอาการคลื่นไส้ แต่หากร่างกายได้รับ THC ในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้มีอาการเมาเคลิ้ม ใจสั่น หน้ามืด เห็นภาพหลอน รบกวนการรับรู้การตัดสินใจ ความจำเสื่อมทั้งระยะสั้นและยาว อีกทั้งการใช้สาร THC ขนาดสูงสม่ำเสมอ ยังทำให้เกิดภาวะดื้อต่อสาร (tolerance) ทำให้ต้องมีการเพิ่มขนาดเพื่อจะให้ได้ผลเท่าเดิมและเกิดการติดยาได้อีกด้วย

กล่าวโดยสรุป สาร THC กับ CBD คือสารที่พบเห็นได้ในส่วนต่าง ๆ ของกัญชา และมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในแง่โครงสร้าง สรรพคุณ การออกฤทธิ์ และผลข้างเคียง อีกทั้งยังมีประโยชน์ในด้านการแพทย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลดอาการเจ็บปวด ลดอาการคลื่นไส้ เพิ่มความอยากอาหาร รักษาริดสีดวง ลดอาการคัน หรืออื่น ๆ ซึ่งถึงแม้ว่าสารทั้งสองนี้จะได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้น แต่คุณควรระมัดระวังในการใช้งาน อย่าให้ร่างกายได้รับในปริมาณมากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลกระทบที่ไม่คาดคิด